เราเคยถามตัวเองกันบ้างหรือไม่ว่า เราเป็นมนุษย์เพียงชนิดเดียวในจักรวาลนี้หรือ? อันที่จริงเรามีความรู้เพียงน้อยนิด เกี่ยวกับจักรวาลของเราเอง เราทุกคนบนโลกใบนี้ยังคงดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ ตรรกะ และเหตุผล ความรู้ของเราได้ถูกพัฒนาสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยเิริ่มต้นจากการจินตนาการ การตั้งสมมุติฐาน การทดลอง การบันทึก และการจดจำ จนเกิดเป็นศาสตร์แขนงต่างๆ ขึ้นบนโลกใบนี้ เราสามารถสร้างสิ่ิ่งประดิษฐ์ที่เคยเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ เราสามารถเรียนรู้และรับมือกับธรรมชาติ เราสามารถสร้างรูปแบบการดำเนินชีวิตให้แตกต่างจากสังคมสัตว์ทุกชนิดได้อย่างสิ้นเชิง แต่ความรู้พื้นฐานเหล่านี้ มันถึงที่สุดแล้วหรือ? ผมว่าไม่นะ...!
ลองคิดง่ายๆ ว่า ถ้าเรานำก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นแล้วจินตนาการว่า นั้นคือดวงอาทิตย์ ห่างกัน 3 นิ้ว มีก้อนหินเล็กๆ ซึ่งเป็นตัวแทนดาวเคราะห์ที่เรียกว่า "โลก" ดวงอาทิตย์ดวงต่อไปที่อยู่ใกล้ที่สุด อยู่ห่างออกไปอีกหลายกิโลเมตร เราไม่เคยเดินออกจากบ้านเกิน 1 นิ้วเลย เราสัมผัสเพียงแค่นั้น ถ้ากฏของการวิวัฒนาการเป็นเรื่องจริง โฮโมเซเปี้ยนที่เป็นต้นกำเนิดของเราก็จะมีอายุุประมาณ 10,000 ปี เราเติบโตมาได้ 10,000 ปี ทุกวันนี้เรามีในสิ่งที่แตกต่างจากจุดเริ่มต้นโดยสิ้นเชิง แต่ระยะเวลาหมื่นปี เป็นเพียงเวลาสั้นๆ เมื่อเทียบกับการกำเนิดของมวลสารต่างๆในจักรวาล เราไม่สามารถจินตนาการได้ ถึงความเปลี่ยนแปลงในอีกหมื่นปีข้างหน้า เหมือนกับที่เมื่อหมื่นปีที่แล้วคงไม่มีใครคิดว่ามนุษย์บินได้ ถ้าเราไม่ใช่มนุษย์ชนิดเดียวในจักรวาล นั่นก็หมายความว่า...ยังมีมนุษย์ที่ล้าหลังเราเป็นหมื่นปี หรือล้ำหน้าเราเป็นแสนปีล้านปีก็ได้
ในเรื่องนี้อย่างน้อยก็มีคำยืนยันจากพระศาสดาแห่งศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วย ปัญญาญาณอันบริสุทธิ์ ในพระไตรปิฎกว่า "ยังมีมนุษย์อีกกมากมายที่ไม่ได้อาศัยอยู่บนโลกนี้" ถ้าเป็นเช่นนั้น เรื่องของมนุษย์ต่างดาวก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะพวกเค้าาอาจมาเยือนเราด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ล้ำ้หน้าจนไม่มีผลเกี่ยวกับปัยจัยทางระยะทาง และคงมีเหตุผลบางประการที่ไม่สามรถเปิดเผยตัวตนต่อมนุษย์ชาติ
มีปรากฏการณ์ประหลาดมากมายทั่วโลกที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางตรรกะ และเหตุผลของเรา และปรากฎการณ์เหล่านี้ ก็มีไม่น้อยที่เชื่อมโยงไปถึง "มนุษย์ต่างดาว" ในมุมมองของคนทั่วไปอาจมองเป็นเรื่องไร้สาระ งมงาย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะพื้นฐานของเขาคือ ตรรกะ และเหตุผล แต่ก็มีรายงานอีกไม่น้อยที่ปรากฎเป็นหลักฐาน พยาน จนที่น่าพิศวง งงงวย มีการบันทึกภาพวัตถุปรหลาดบนท้องฟ้าี่ที่เป็นทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว แน่นอนว่ามีบางส่วนเป็นการจัดฉากแหกตาขึ้นมา แต่ก็มีอีกมากที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นของจริง ซึ่งยังไม่สามรถอธิบายได้อย่างชัดเจนถึงสิ่งที่ปรากฎในภาพนั้นสิ่งประหลาดในอินเดีย
มีข้อน่าสงสัยเกี่ยวกับการมาของมนุษย์ต่างดาวหลายประการ องค์กรที่มีความเป็นไปได้ว่าปกปิดข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ กองทัพสหรัฐฯ และองค์การนาซา ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะมีหลายเหตุการณ์ที่ดูเหมือนเป็นการตั้งใจปิดข่าว เช่น ในกรณีที่ยานบินหรือวัตถุประหลาดตกในเขตทะเลทรายของสหรัฐฯ มีผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนปรากฎมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาในพื้นที่และสั่งห้ามประชาชนเข้า เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจทุกอย่างก็เงียบหายไป ไม่มีการพูดถึงจนเป็นที่น่าสงสัยยิ่ง
เป็นไปได้หรือไม่ว่า มีการเจรจาติอต่อกันมาเป็นเวลานานแล้ว ระหว่างผู้มีอำนาจซึ่งมีบทบาทสูงในทางการเมืองของโลก และต่อการดำรงค์ชีวิตของมวลมนุษยชาติ ซึ่งมหาอำนาจในที่นี้ ก็คงไม่พ้น สหรัฐอเมริกา แต่เนื้อหาของการเจรจา ยังคงไม่มีใครรู้ได้ อาจมีการตกลงบ้างสิ่งบางอย่าง ซึ่งอยู่เหนือความเข้าใจของเรา
------------------------------------------
www.ufosiam.tk
แหล่งข้อมูล : thaipx2012.blogspot.com
.....ผมตั้งใจทำบล็อกนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นแหล่งความรู้เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว และความรู้อื่นๆ จะพยายามรวบรวมข้อมูลมาไว้ให้มากที่สุด เพราะคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะรู้จักพวกเขาให้มากขึ้น ในเมื่อเราเชื่อว่า "ผี" มีจริง! แล้วทำไม "มนุษย์ต่างดาว" จะไม่มีจริง!
ฝากเพื่อนๆ เข้ามาเยี่ยมชม ศึกษา ด้วยนะครับ... ช่วยกันคอมเม้นต์ แสดงความคิดเห็นเพื่อเป็นกำลังใจด้วยยิ่งดีครับ... ขอบคุณครับ!
12 พฤศจิกายน 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
สุดยอดค่ะ ... อัพเดทเรื่อยๆนะคะ... สนใจเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เชื่อว่ามีจริง แล้วจะติดตามเรื่อยๆ นะ...
ตอบลบ